"AWC" ของทายาทเจ้าสัวเจริญ กวาดรายได้ปี 66 พุ่ง 30.9% ทุ่ม 1.26 แสนล้าน ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ผลประกอบการ ปี 2566 มีรายได้รวม 19,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนและเหนือกว่าก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 รวมถึงมีผลการดำเนินงานที่ทำนิวไฮสูงสุดใน 5 ด้าน

กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดถึง 5,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.2 %

มีกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) สูงถึง 10,639 ล้านบาท ตามงบการเงินซึ่งรวมมูลค่ายุติธรรม เพิ่มขึ้น 26.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจตามงบการเงินได้อย่างสม่ำเสมอเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลัง (2563-2566) อยู่ที่ 74% ต่อปี สะท้อนผลการดำเนินงานที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายสร้างสมดุลเชิงธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น

รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตสูงสุดที่ 3,658 บาท เพิ่มขึ้น 54.8 % มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) เท่ากับ 5,661 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน

ปี 2566 เป็นปีที่บริษัทได้สร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วยทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ 6,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติกว่า 14,000 ล้านบาท

นางวัลลภากล่าวว่า โดยเป็นทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ 9 โครงการ ประกอบด้วยโรงแรม 3 แห่ง และห้องอาหาร 6 แห่ง เพื่อสร้างกระแสเงินสดและเพิ่มศักยภาพในการสร้างกำไรจากการดำเนินงานอย่างยั่งยืน และทรัพย์สินที่ได้รับการอนุมัติให้ลงทุน อาทิ การลงทุนในโรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก  รวมมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ที่ 146,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 % เมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 โดยคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานอยู่ที่ 108,202 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2566 ถือเป็นปีที่AWC สร้างการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและการบริการที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ โรงแรมอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ และโรงแรมรีสอร์ท ระดับลัวชัวรี เพราะการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่ม FIT ที่มีศักยภาพและใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวสูง ทำให้โรงแรมในเครือ AWC สร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องและต่อวันในระดับนิวไฮ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 64.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ,โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ และโรงแรมบันยันทรี กระบี่”นางวัลลภากล่าว

นางวัลลภากล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งพัฒนา ปรับปรุง เพิ่มศักยภาพให้กับทรัพย์สินคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดโรงแรมและห้องอาหารชั้นนำระดับโลกในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ อาทิ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล โรงแรมระดับลักซ์ชูรีภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งแรกของภาคเหนือ เปิดโรงแรม เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล และโรงแรม อินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท แห่งแรกในไทย รวมถึงเข้าซื้อหุ้นกิจการ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก จนถึงสิ้นปี 2566 AWC มีโรงแรมที่เปิดบริการทั้งหมด 22 โรงแรม รวม 6,029 ห้อง

นางวัลลภากล่าวว่า กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ได้เสริมศักยภาพศูนย์การค้าในเครือด้วยกลยุทธ์การตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรมระดับโลก Disney100 Village at Asiatique ดึงดูดผู้เช่าและลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงานมีการเดินหน้าเสริมศักยภาพรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในปัจจุบันและอนาคต อาทิ เปิด “The Empire Residence” พื้นที่ Co-Living Space กว่า 1,500 ตร.ม. ที่มีขนาดใหญ่ที่อาคาร “เอ็มไพร์” รวมถึงการลงนามความร่วมมือกับ 3 เชฟมิชลินสตาร์ระดับโลกเพื่อพัฒนา 3 ห้องอาหารที่ “EA CHEF’S TABLE” ชั้น 56 ในฐานะส่วนหนึ่งของ “EA Rooftop at the Empire” สู่การสนับสนุนกรุงเทพฯ และประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก

นางวัลลภากล่าวว่า ทั้งนี้ AWC ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) เพื่อร่วมสร้างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่น สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยั่งยืนของไทยอย่างต่อเนื่อง ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของบริษัทด้วยงบการลงทุนรวมกว่า 126,000 ล้านบาท โดยมีความสามารถจัดหาเงินทุนได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น เพื่อเร่งขยายพอร์ททรัพย์สินคุณภาพเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่าตัวภายใน 5 ปี

ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ระดับแฟลกชิปในรูปแบบของ AWC’s Lifestyle & Workplace Destinations ที่เชื่อมต่อประสบการณ์ของทั้ง โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ เข้าด้วยกันเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครอบคลุมทั้งในด้าน Attraction, Food & Beverage และ Lifestyle Market ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ด้วยการผสานจุดแข็งของ AWC กับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ โครงการ Weng Chinatown Destination โครงการ Aquatique Destination โครงการ Asiatique District และโครงการ Lannatique Destination

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทมีแผนที่จะเปิดให้บริการโครงการในทุกกลุ่มธุรกิจรวมกว่า 18 โครงการ มีโครงการสำคัญของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ อาทิ โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท , โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมระดับลักชัวรี่ ไลฟ์สไตล์ ในพัทยา รวมถึงการเปิดตัว “The Journey of A River ” by The Okura Prestige Bangkok ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารอันมีเอกลักษณ์บนสายน้ำเจ้าพระยาเชื่อมต่อประสบการณ์ภายใต้แนวคิด “The Journey of A River”

รวมถึงมีโครงการสำคัญของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ อาทิ โครงการ EA Rooftop at The Empire จุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟทอปที่ใหญ่ที่สุด,EA Gallery แหล่งรวมร้านอาหารนานาชาติชั้นนำมากมายกับทัศนียภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพ,EA CHEF’S TABLE แหล่งรวมร้านอาหารโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์จำนวน 3 แห่ง และห้องอาหาร Nobu Bangkok แห่งแรกและแห่งเดียวในไทย และยังเป็นห้องอาหาร Nobu ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก

การเปิดโครงการ THE PANTIP LIFESTYLE HUB ที่เชียงใหม่วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ภายใต้แนวคิด “EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE” สร้างแลนด์มาร์คสำหรับกิจกรรมความสนุกหลากหลาย ศูนย์รวม Food Lounge ในบรรยากาศธรรมชาติ และแหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Lannatique Destination ที่จังหวัดเชียงใหม่ การเปิดโครงการ AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM และการพัฒนาเพื่อเสริมจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ให้กับกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน

“ล่าสุด AWC ได้เริ่มเดินหน้าตามกลยุทธ์การเติบโตในปี 2567 เพื่อสร้างการเติบโตของทรัพย์สินผ่าน 3 โครงการใหญ่ โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ เพื่อเข้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่ไพรม์โลเคชั่นใน 2 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ และเชียงใหม่”นางวัลลภากล่าว

นางวัลลภากล่าวว่า ประกอบด้วยลงทุนในโครงการโอพี การ์เด้น ย่านบางรัก เพื่อเชื่อมกับโครงการแฟลกชิป โรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งเสริมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวริมสายน้ำ คาดว่าจะเปิดดำเนินการไตรมาสที่ 4 ปี 2570 และโครงการโรงแรมในพื้นที่ถนนสุขุมวิท 38 เพื่อพัฒนาโครงการโรงแรมด้านเวลเนส คาดจะเปิดดำเนินการไตรมาสที่ 3 ในปี 2571

รวมถึงการเข้าลงทุนเพิ่มในพื้นที่ช้างคลานใจกลางเชียงใหม่ ที่จะได้รับการพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Lannatique Destination” ระดับเมกะโปรเจ็กต์ในอนาคตของทางบริษัท เพื่อร่วมสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

“รวมมูลค่าการลงทุนและเข้าพัฒนาโครงการทั้งในกรุงเทพและเชียงใหม่ที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น และเมื่อรวมกับโครงการที่จะเปิดดำเนินงานในปีนี้ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 36,000 ล้านบาท” นางวัลลภากล่าว

#AWC #แอสเสทเวิรด์คอร์ป #โรงแรม #ห้องอาหาร #ผลประกอบการ #ข่าวประจำวัน #Stockreview